วันศุกร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2557

“Marimo” สาหร่ายนำโชค

Marimo สาหร่ายนำโชค
















ที่มา ของ มาริโมะ

“มาริ”ความหมาย“ลูกบอลกลมๆ

“โมะ”ความหมายว่า “พืชจำพวกสาหร่ายหรือตะไคร่น้ำ”


ภาษาอังกฤษ ว่า “moss ball”


มาริโมะ คือ สาหร่ายน้ำจืดสีเขียวที่มีรูปลักษณ์แตกต่างจาก


สาหร่ายน้ำจืดชนิดเดียวกันที่มีอยู่ในทะเลสาบแห่งอื่นของโลก


คนญี่ปุ่นเรียกสาหร่ายชนิดที่ว่านี้ว่า “มาริโมะ” เป็นชื่อที่นัก


พฤกษศาสตร์ ทะซึฮิโกะ คาวาคามิเป็นคนตั้งไว้


มาริโมะจะพบที่ทะเลสาบ อะคัง ที่เกาะฮอกไกโดประเทศ

ญี่ปุ่น และทะเลสาบเพียงไม่กี่แห่งบนโลกเท่านั้น

ว่ากันว่าสิ่งที่ทำให้มาริโมะสามารถรวมตัวกันเป็นก้อนวงกล
แบบนี้ได้ น่าจะมาจากหมุนตัวจากการไหลเวียนของน้ำตาม

ธรรมชาติในทะเลสาป โดย มาริโมะ นั้นจะมีเส้นผ่านศุนย์กลา

ใหญ่สุดประมาณ 25 เซนติเมตรหรืออาจบังเอิญใหญ่ผิดปกติ

เหมือนคลิปข้างบนแตาหายากอยู่เหมือนกัน 
เนื่องจาก มาริโมะ เป็นพืชชนิดหนึ่ง จึงสามารถมีชีวิตอยู่ได้

ด้วยการสังเคาะห์แสง เมื่อพิ้นผิวด้านบนของ มาริโมะ 

ต้องแสง ก็จะสามารถสังเคาะห์แสงเองได้

การเลี้ยงมาริโมะ เบื้องต้น

  • เปลี่ยนน้ำจืด (สามารถใช้น้ำประปาได้เลย) 1 - 2 อาทิตย์ครั้ง หรือเมื่อน้ำสกปรกมีตะกอน 
  • มาริโมะ ชอบน้ำเย็น สามารถใส่น้ำแข็งหรือน้ำจากตู้เย็นได้ (ไม่ควรใส่น้ำที่อุ่น) อุณหภูมิที่มาริโมะชอบคือ 15 - 20 °C และอุณหภูมิที่มาริโมะอยู่ได้โดยปกติสุขคือ ไม่เกิน 30°C                                                                                                    
  • แสง มาริโมะสามารถอยู่ในสภาวะที่ไม่มีแสงได้ แต่จะเจริญเติบโตได้ไม่ดีเท่าได้รับแสงบ้าง
  • ห้ามโดนแสงแดดแรงๆ โดยตรง 
  • สามารถปิดฝาภาชนะที่ใส่มาริโมะได้

  • เมื่อเปลี่ยนน้ำมาริโมะ ให้ค่อยๆบีบน้ำออกอย่างเบามือ แล้วหมุนมาริโมะเบาๆ เพื่อช่วยในการรักษารูปทรงในการเจริญเติบโต ห้ามเปิดน้ำแรงๆ ใส่มาริโมะโดยตรง มาริโมะอาจจะแตกได้อัตราการเจริญเติบโต เฉลี่ยปีละ 5มม. อายุของมาริโมะ สามารถอยู่ได้ถึง 200 ปี
  • ห้ามเลี้ยงกับปลาบางประเภท เช่นปลาทองและ ปลากินพืชบางชนิด
  • สภาวะปกติของมาริโมะ คือจม แต่จะลอยขึ้นเมื่อสังเคราะห์แสง โดยจะมีฟองอากาศเล็กๆ รอบๆ

  • ถ้ามาริโมะ มีติ่งหลุดออกมา หรือปูดออกมาจากลูกเดิม ไม่ต้องกังวล มาริโมะอาจกำลังแยกตัว

  • การที่มาริโมะจะเขียวและขนฟูสดใสได้ เกิดจากการที่มาริโมะสุขภาพดี ซึ่งเหมือนพืชทั่วๆไปคือได้รับอาหารและสภาวะการเป็นอยู่ที่เหมาะสมกับพืชชนิดนั้นๆ มาริโมะ สร้างอาหารจากการสังเคราะห์แสงเหมือนพืชทั่วไป 

  • หลักการง่ายๆ คือได้รับแสง + คาร์บอนไดออกไซด์ = จะทำให้มาริโมะเติบโตได้ดี เร็วขึ้น 

  • คาร์บอนไดออกไซด์ ที่หาได้ง่ายๆจากครัวเรือนคือ น้ำโซดา สามารถใส่น้ำโซดาในขณะที่โมริโมะรับแสงได้

  • มาริโมะสามารถอยู่ในที่ๆ ไม่มีน้ำได้(ชื้นๆ) ประมาณ 3 - 4 อาทิตย์


เทคนิคการเลี้ยงมาริโมะ ขั้นเทพ

1. ชอบน้ำกระด้างหน่อยๆ ควรเลี้ยงในตู้ที่มีพวกกรวดปะการังให้ 

pH สูงนิดหน่อยถ้าอยากให้โตเร็วๆนะ

2. น้ำไม่ต้องเย็นก็ได้ แต่ถ้าเย็นจะโตเร็ว สามารถทนได้ถึง 30°C

3. ถ้าน้ำไหลวนมากๆก็จะดี เพื่อจะได้ฟอร์มตัวเองให้เป็นก้อนกลมๆ

4. หากเลี้ยงหลายๆลูกตอนเปิดแสงมันจะลอยขึ้นผิวน้ำเป็นเรื่อง


ปกติเพราะเนื้อข้างในมันคายออกซิเจนออกมาปิดไฟมันก็จมลงไปใหม่

5. ห้ามลงยากำจัดตะไคร่ เด็ดขาดโดยเฉพาะ flourish excel

6. การขยายพันธุ์ ต้องปล่อยให้มันสร้างก้อนเล็กๆขึ้นมาเอง แล้ว


หลุดออกมา อย่าไปแบ่งครึ่ง มีสิทธิตายสูง หากแบ่งไปแล้วต้องปั้น

มันให้กลับมากลมเหมือนเดิม ไม่ต้องไปเร่งมัน ปล่อยมันขยายของ

มันเองดีกว่า เดี๋ยวตาย

7. แสง ชอบแสงน้อยๆ แสงมากไม่ดี แสงอาทิตย์อาจตาย 


เพราะปกติมันอยู่น้ำลึกๆเพราะต้องการแสงน้อย แต่ก็ต้องการปุ๋ย 

คาร์บอน เหมือนไม้น้ำทั่วๆไป

8. ห้ามใช้คาร์บอนน้ำ

9. มาริโม่ก็ไม่สบายได้ ดูจากขนมันจะเป็นสีเหลืองหรือน้ำตาล 


เพราะผิดสมดุลเกลือแร่ และสมดุลแบคทีเรีย แก้โดยเอามือถูส่วนที่

เปลี่ยนสีออกเบาๆ แล้วเติมเกลือทะเลลงไป 5% คือเขาชอบน้ำกระ

ด้างหน่อยๆ

10. หากน้ำตาลทั้งก้อน ก็ทำใจซื้อใหม่เถอะ

11. พูดง่ายๆคือหากอยากขยายพันธุ์ ต้องทำตู้เลี้ยงมันโดยเฉพาะ


อัญมณีประจำเดือนเกิด


สามารถนำมาตกแต่งบ้านให้น้อง มาริโมะ ได้นะค่ะ









1. ราศีเมษ (21 มีนาคม-20 เมษายน)

อัญมณีสำหรับชาวราศีเมษคือ เพชร คำว่า Diamond ที่แปลว่าเพชรนั้น มาจากภาษากรีก คำว่า Adamas มีความหมายว่า ไม่มีใครสามารถทำลายได้ ในภาษาฝรั่งเศส คำว่า Diamant ก็แปลว่า ไม่มีวันแพ้ เพชรจึงเป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะและความสำเร็จและกระตุ้นให้เกิดความกล้าหาญได้ ซึ่งดูแล้วเหมาะกับนักริเริ่ม นักบุกเบิกที่แข็งแกร่งอย่างชาวเมษ  อัญมณี ที่มีสีขาวใสอย่างเพทายขาวก็จัดเป็นอัญมณีประจำราศีนี้เช่นกัน เนื่องจากสีขาวใสเทียบได้กับทารกเกิดใหม่ที่ยังบริสุทธิ์อยู่นั่นเอง  บลัด สโตน(Bloodstone)หรือหินสีเลือด ก็ถูกจัดให้เป็นอัญมณีของราศีเมษ เนื่องจากสีประจำราศีนี้คือสีแดง
2. ราศีพฤษภ (21 เมษายน-20 พฤษภาคม)

พลอยสีเขียวคืออัญมณีของคนราศีพฤษภ ได้แก่ มรกต ตามความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณเป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคง ความยั่งยืนเป็นอมตะ ส่วนในประเทศจีน หยก ทำให้มีสุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว ค้าขายรุ่งเรื่อง นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่าพลอยสีเขียวทั้งหลายจะทำให้เกิดศรัทธาที่มั่นคง และความกล้าหาญโมราสีเขียว(Green Agate)เป็นสัญลักษณ์ของทรัพย์สิน ความมั่งคั่งร่ำรวย  (ความหมายของอัญมณีสีเขียวเหล่านี้ มีความหมายไปในทำนองเดียวกับดาวศุกร์ ซึ่งเป็นเกษตรของราศีพฤษภ และสีเขียวยังเป็นสีของการเกษตรกรรมและสีของดาวศุกร์อีกด้วย)
3. ราศีมิถุน (21 พฤษภาคม-20 มิถุนายน)

สำหรับชาวราศีมิถุนผู้แคล่วคล่องว่องไว ชอบพูดคุยเจรจา และมีชีวิตชีวา มีความเป็นหนุ่มสาวอยู่ในตัว “เจ้าสามสี”หรือAlexandrite คืออัญมณีหลักของราศีนี้ เป็นพลอยที่สามารถเปลี่ยนสีได้ตามแสงที่ตกกระทบ เชื่อว่าสามารถกระตุ้นพลังงานและเพิ่มความมีชีวิตชีวาให้กับผู้สวมใส่ นอกจากนี้อัญมณีสีขาวซีด หรือขาวขุ่น ก็เป็นอัญมณีประจำราศีมิถุนเช่นกัน (สีประจำราศีนี้คือ ซีดๆจางๆ) ได้แก่ ไข่มุกและมุกดาหาร (Moonstone) ซึ่งแสดงถึงความบริสุทธิ์ ความสดชื่น และอายุที่ยืนยาว  โมรา(Agate) ก็ถูกจัดเป็นอัญมณีของราศีนี้ด้วย อาจเป็นเพราะว่าสีของดาวพุธ เกษตรของราศี คือสีที่เป็นลายๆ เป็นแถบๆ หรือหลากสี ซึ่งโมราเป็นพลอยที่มีสีหลายสีมาก

4. ราศีกรกฎ (21 มิถุนายน-20 กรกฎาคม)

ในสมัยก่อนไข่มุก(Pearl) และมุกดาหาร (Moonstone) ถือเป็นอัญมณีของชาวกรกฎ สีขาวเป็นสีประจำราศีนี้ และมีดวงจันทร์เป็นเกษตร สีของดวงจันทร์ในทางโหราศาสตร์คือสีขาวและสีเงิน พลอยทั้งสองชนิดนี้ก็มีสีขาวนวล แถมยังมองดูคล้ายพระจันทร์เต็มดวงอีกด้วย  ไข่มุกเป็นแร่รัตนชาติที่ช่วยเสริมสง่าราศีให้กับสตรี เป็นสัญลักษณ์ของความอ่อนโยนและการปกป้อง และก่อให้เกิดความนุ่มนวลอ่อนหวาน  มุกดาหาร โดยตัวมันเองแล้วมีรูปร่างลักษณะที่เหมือนดวงจันทร์มาก เพราะเป็นหินสีขาวใสถึงขุ่น ผิวเรียบเนียน มันวาว แสงสะท้อนจะดูนวลตา เชื่อว่าเป็นหินที่ช่วยให้รับความรู้สึกต่างๆได้ดีขึ้นโดยเฉพาะความรัก ความอ่อนโยน ความสงบ 
ในยุคปัจจุบันทับทิม กลายมาเป็นอัญมณีประจำราศีกรกฏ เชื่อกันว่าทับทิมทำให้
เกิดสติปัญญา ความแข็งแรงและความมั่นคงทางอารมณ์ เป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก การกล้าแสดงออก ในบางครั้ง สปิเนล(Spinel) ก็ถูกนำมาใช้แทนทับทิมได้เช่นกัน โดยเฉพาะสปิเนลสีแดง ซึ่งหากดูเผินๆแล้วจะมีความคล้ายคลึงกับทับทิมมาก จะต่างตรงที่สปิเนลมีความวาว ความแข็ง และน้ำหนักน้อยกว่า แต่ราคาก็ต่ำกว่าเช่นกัน

5. ราศีสิงห์ (21 กรกฎาคม-20 สิงหาคม)

เพอริโดต์ (Peridot) อัญมณีสีเขียวใสคืออัญมณีประจำราศีสิงห์ซึ่งมีดวงอาทิตย์เป็นเกษตร ว่ากันว่า เพอริโดต์นี้ มีพลังแห่งดวงอาทิตย์แฝงอยู่ จึงสามารถขับไล่วิญญาณของภูตผีปีศาจได้ ทำให้ผู้สวมใส่มีอำนาจบารมียิ่งใหญ่ จึงเหมาะกับชาวราศีสิงห์ อย่างไรก็ดี ชาวสิงห์คงต้องดูแลพลอยชนิดนี้ อย่างทะนุถนอม และระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะเพอริโดต์ เป็นพลอยที่มีความแข็งไม่มาก (6.5-7) จึงเกิดรอยขีดข่วนได้ง่าย แต่ถ้าหากต้องการอัญมณีที่มีความแข็งมากกว่านี้ ไพฑูรย์ตาแมว (Cat’s eye) ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ซึ่งมีความแข็งถึง 8.5
อเวนเจอรีน(Aventurine) พลอยสีเขียวขุ่นเนื้อละเอียด เป็นของชาวราศีสิงห์เช่นกัน เชื่อกันว่าเป็นหินที่สามารถทำให้ผู้สวมใส่เกิดโชคลาภจากการเสี่ยงดวงหรือ การแข่งขัน หรือแม้แต่การออกเดทกับคนรัก จึงเหมาะกับคนราศีนี้ที่ชอบการแข่งขันและไม่ต้องการเป็นผู้แพ้ นอกจากนี้ อเวนเจอรีนยังสามารถปลุกเร้าจิตใจให้เกิดความร่าเริง เพิ่มพลังจินตนาการและการสร้างสรรค์ ทับทิม ก็ถือเป็นอัญมณีของราศีนี้ได้เช่นกัน ในสมัยโบราณทับทิมถือเป็นเครื่องรางเพิ่มความกล้าหาญและความสง่างาม เป็นสัญลักษณ์ของความรักและการกล้าแสดงออก


6. ราศีกันย์ (21 สิงหาคม-22 กันยายน)
อัญมณีของราศีนี้ คือ ไพลิน (Sapphire) แต่เดิมถูกเรียกว่า นิลกาฬ แต่สมัยนี้เรียกว่า ไพลิน ตามชื่อของจังหวัดในประเทศกัมพูชาที่เป็นแหล่งของพลอยชนิดนี้ ไพลินเป็นอัญมณีที่สื่อถึงความเมตตากรุณา และความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ จึงเหมาะกับชาวราศีกันย์ที่เป็นนักบริการ  เพทาย (Zircon) และ โมรา (Agate) ก็เป็นพลอยประจำราศีนี้ด้วย ทั้งนี้เนื่องจากพลอยทั้งสองอย่างนี้มีหลายสีมาก ซึ่งเหมือนกับสีของดาวเกษตร คือดาวพุธที่มีสีของดาวคือหลากสีสัน หรือสีที่เป็นลายต่างๆ  เรด แจสเปอร์ (Red Jasper) ถือว่าเป็นอัญมณีที่สื่อถึงลักษณะของชาวราศีกันย์ได้ชัดเจนมาก เพราะเป็นอัญมณีที่ใช้ในการรักษาความปลอดภัย และการดิ้นรนอยู่รอด ทำให้ผู้สวมใส่มีหลักการในการดำรงงชีวิตอย่างเรียบง่าย
7. ราศีตุลย์ (23 กันยายน-20 ตุลาคม)

ชาวราศีตุลย์เป็นคนรักสงบ ประนีประนอม และปรารถนาความสุข รักสวยรักงาม จึงเหมาะกับ โอปอล (Opal) อัญมณีหลากสีสันที่แต่ละเม็ดจะมีความงามไม่ซ้ำกัน โอปอลนั้น หมายถึง ความสุขและความสมหวัง สามารถนำความรักและความสุขมาให้กับผู้สวมใส่ โดยเฉพาะโอปอลสีเข้ม หรือ แบล็กโอปอล ไพลิน จัดเป็นอัญมณีของราศีตุลย์เช่นกัน เป็นหินที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ของชีวิตรัก เป็นอัญมณีแห่งสัจธรรมและความดีงาม  เลพิโดไลท์(Lepidolite) หินสีชมพูออกม่วง เป็นหินสำหรับผู้ที่ปัญหาด้านความรัก อกหักรักคุด ช่วยให้เปิดกว้างรับสิ่งดีๆที่อยู่รอบตัวเข้าสู่จิตใจ
8. ราศีพิจิก (21 ตุลาคม-20 พฤศจิกายน)

ชาวพิจิก เป็นผู้มีความห้าวหาญ เด็ดเดี่ยว มุ่งมั่นสู่เป้าหมายของตน แต่มุทะลุดุดัน จึงคู่กับ บุษราคัม และ โทแพซ (Topaz) เพราะเป็นอัญมณีที่สื่อถึง ความรอบคอบ การปกป้องจากความทุกข์เข็ญ ช่วยเพิ่มความกระปรี้กระเปร่าและความกล้าหาญ และช่วยรักษาความสมดุลแห่งอารมณ์ทางเพศได้ด้วย  ซิทริน (Citrine) หรือคริสตัลเหลือง มีสีเหลืองทอง เพิ่มความกระปรี้กระเปร่า ให้กำลังใจและความเชื่อมั่น ช่วยในการตัดสินใจเมื่อต้องเสี่ยงหรือต้องเลือก ยูนาไคท์ (Unakite) หินสีเขียวมีลายจุดสีส้มกระจายอยู่ทั่ว เชื่อว่าช่วยให้ผู้สวมใส่ยึดมั่นในเป้าหมายและความปรารถนาของตน และมั่นใจในการก้าวไปสู่เป้าหมายนั้น
9. ราศีธนู (21 พฤศจิกายน-20 ธันวาคม)

เทอร์ควอยส์ (Turqouise) หินสีเขียวน้ำทะเล และ เพทายสีฟ้า ถูกจัดเป็นอัญมณีของราศีนี้ พลอยทั้งสองชนิดนี้ หมายถึง ความร่ำรวยและความมั่งคั่ง ซึ่งมีความหมายเดียวกับดาวพฤหัสที่เป็นดาวเกษตรของราศีธนู เทอร์ควอยส์ยังมีคุณสมบัติด้านความรักความเมตตา และช่วยเสริมสร้างสติปัญญา ลาพีซ ลาซูรี(Lapis Lazuri) แซฟไฟร์สีน้ำเงินเข้มที่มีละอองสีทองปนอยู่ในเนื้อหิน ถือเป็นหินแห่งความรู้ เสริมสร้างพลังทางปัญญา ช่วยเปิดตาและเปิดใจให้พบกับสัจธรรมความเป็นจริง
10. ราศีมกร (21 ธันวาคม-20 มกราคม)

ชาวราศีมกรเป็นคนจริงจัง มีระเบียบแบบแผน แต่มักจะวิตกกังวล จึงส่งผลเสียต่อสุขภาพ และมักจะมีอาการเจ็บป่วยแบบผู้สูงอายุ เช่น ปวดข้อ ปวดเข่า ปวดหลัง เป็นต้น อัญมณีที่เชื่อกันว่าจะช่วยให้ผู้สวมใส่มีสุขภาพที่ดีจึงเป็นอัญมณีประจำราศีนี้ นั่นคือ โกเมน(Garnet) มาลาไคท์(Malachite) หินสีเขียวสดทึบแสง มีลายริ้วๆ เชื่อว่าช่วยขจัดสิ่งชั่วร้าย ปกป้องอันตรายจากการเดินทาง และยังสามารถป้องกันการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นกับฟัน กระดูก ไขข้อ อาการอักเสบและติดเชื้อได้ด้วย
11. ราศีกุมภ์ (21 มกราคม-18 กุมภาพันธ์)

คนราศีนี้รักอิสระ รักพวกพ้อง ชอบคิดและทำอะไรไม่เหมือนชาวบ้าน แต่ก็ยังมีเพื่อนเยอะ อาเมทีสต์(Amethyst) พลอยสีม่วง คืออัญมณีของชาวกุมภ์ บ่งบอกถึงหัวใจที่เป็นอิสระ ความจริงใจและความซื่อสัตย์ สีม่วงของอาเมทิสต์นี้ยังใกล้เคียงกับสีประจำราศีกุมภ์อีกด้วย (สีไลแลค หรือม่วงออกแดง)  ฟลูออไรต์(Fluorite) หินหิ่งห้อย บางก้อนเรืองแสงได้ มีหลายสี เชื่อว่า เป็นหินที่มีพลังพิเศษ สามารถทำให้เห็นภาพนิมิต หรือ ภาพในอนาคตได้ เหมือนช่วยให้เกิดญาณรับรู้อนาคต และยังมีคุณสมบัติลดอาการปวดกระดูก ช่วงให้ฟันแข็งแรง
12. ราศีมีน (19 กุมภาพันธ์-20 มีนาคม)

อความารีน (Aquamarine) พลอยที่มีตั้งแต่สีเขียวน้ำทะลจนถึงสีฟ้าเข้ม เป็นอัญมณีที่นำความสมบูรณ์และยิ่งใหญ่ดั่งท้องทะเลมาให้ ช่วยให้จิตใจสงบ อ่อนโยน ถือเป็นอัญมณีนำโชคของชาวเรือและชาวทะเล ช่วยบรรเทาอาการเมาคลื่นและอุบัติภัยได้ (จะเห็นว่าทั้งชื่อและคุณสมบัติของอความารีนเกี่ยวข้องกับดาวเนปจูน ดาวเกษตรของราศีมีน)  อาซูไรต์(Azurite) หินสีน้ำเงินเข้ม เป็นแร่โคบอลต์ มักใช้ในการนั่งสมาธิ ช่วยปลุกพลังแห่งจิตวิญญาณ การรับรู้และสัมผัสพิเศษ  ราศีมีนเป็นราศีที่มีอัญมณีประจำราศีอยู่หลายชนิดแต่ละแหล่งข้อมูลก็กำหนด แตกต่างกันออกไป นอกจากอความารีนและอาซูไรต์แล้วยังมี บลัดสโตน(Bloodstone) อาเมทิสต์ (Amethyst) ที่มีสีม่วง สีของราศีมีน หยก (Jade) มุกดาหาร (Moonstone)




หินนำโชค









หยกสีเขียว หินแห่งความศักดิ์สิทธิ์ คุณสมบัติในการช่วยปกป้อง

คุ้มครอง นำมาซื่งความเจริญรุ่งเรือง ส่งเสริมความก้าวหน้า ช่วยให้

มีอายุยืนและสุขภาพแข็งแรง



ปะการังแดง เป็นหินที่ได้มาจากปะการังสีแดง เชื่อกันว่า ให้พลังใน


การปกป้องคุ้มครองเมื่อยามเดินทาง โดยเฉพาะการเดินทางไกล

จากประเทศหนึ่งไปอีกประเทศหนึ่ง 



โทปาส :สัญลักษณ์แห่งมิตรภาพ และความซื่อสัตย์ นานมาแล้ว 

เมื่อครั้งอารยธรรมกรีกเชื่อกันว่า Topaz จะช่วยปกป้องคุ้มครอง ผู้

สวมใส่ให้ไกลจากความทุกข์เข็ญทั้งมวล 



โกเมน หินแห่งชัยชนะในสมัยโบราณใช้โกเมนเป็นเครื่องรางแห่ง


ชัยชนะและอำนาจ ซึ่งจะต้องเป็นสีแดงเท่านั้น


เพอริโด หินมีพลังทำให้จิตใจเข็มแข็ง กล้าหาญ และในเรื่องความ

รักหมายถึงทำให้มั่นคงในความรักอีกด้วย



โรสควอตซ์ เป็นหินแห่งเทพวีนัส มีพลังของเพศแม่ และเต็มเปี่ยม


ไปด้วยพลังแห่งความรัก สร้างเสน่ห์ สร้างมิตรภาพ และการให้อภัย 

ช่วยให้ผิวพรรณผุดผ่อง สวยงาม และดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ


อเมทิสต์ หินแห่งจิตวิญญาณที่สูงส่ง คุณสมบัติของอเมทิสต์ที่

สำคัญ คือ ก่อให้เกิดความยุติธรรมขึ้นในจิตใจ และขจัดความคิด

ด้านลบ อเมทิสต์มีพลังในการถ่ายทอดสูง สามารถยกระดับจิตใจ

และกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้และปลุกสำนึกทางจิตวิญญาณ เรียกได้

ว่าเป็นการเพิ่มพูนการรับรู้ทางประสาทสัมผัส (sense) ได้อย่างดียิ่ง 

ชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิ์ ก่อให้เกิดสมาธิ เหมาะจะวางไว้เพื่อเสริม

ความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้คนในบ้านหรือในที่ทำงานได้อีกด้วย 


เทอร์คอยส์ หินแห่งพลังอำนาจและความศักดิ์สิทธิ์ เทอร์ควอยซ์

เป็นหินสีเขียวไข่กาหรือสีน้ำทะเล มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า หินมูล

นกการเวกชาวอินเดียนแดงเผ่าต่างๆขนานนามเทอร์ควอยซ์ว่าเป็น

สัญลักษณ์แห่งท้องฟ้า เป็นดั่งลมหายใจของชีวิตและวิญญาณ จึง

สวมใส่เทอร์ควอยซ์ ไว้เป็นเครื่องประดับบนร่างกาย แต่ในอียิปต์มี

ความเชื่อว่าหินนี้เป็นสัญลักษณ์แห่งสุริยเทพ เป็นตัวแทนของพลัง

อำนาจและความศักดิ์สิทธิ์ มีคุณสมบัติในการบำบัดรักษาโรค 


ควอร์ตซ์ฟ้าอ่อน พลังแห่งชีวิตและความแข็งแกร่ง มีลักษณะเป็น
หินใสไม่มีสี เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า หินคริสตัล (Rock Crystal) คำว่า 
Crystal เป็นคำในภาษากรีก หมายถึงน้ำแข็งที่ถูกประดิษฐ์โดยพระเจ้า เชื่อกันว่า คริสตัล เป็นฟอสซิลของน้ำบริสุทธิ์ บางชนิดมีสายแร่เส้นบางๆ คล้ายเข็มเย็บผ้ากระจายอยู่ภายใน 

ที่มาของหินสีนำโชค และ อัญมณีประจำเดือนเกิด
http://www.weloveshopping.com/shop/showproduct1.php?pid=17500832&shopid=199569

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น